บรรยาย EP.20
16:00 PM
"นักเรียน กราบ"
คาบสุดท้ายของห้องแปดวันนี้เป็นคาบนาฏศิลป์ เวลาสี่โมงเย็นเสียงออดโรงเรียนดังขึ้นเพื่อบ่งบอกว่าถึงเวลาเลิกเรียนและต้องกลับบ้านแล้ว สิงหาสั่งให้นักเรียนทำความเคารพก่อนจะแยกย้ายกันไปรวมตัวที่ห้องปกครองเพื่อถ่ายรูปสภานักเรียนรูปเดี่ยว แต่การิน สกาย เนียร์ นนท์ กลับต้องอยู่ทำความสะอาดในห้องนาฏศิลป์นี้ หรือเรียกง่ายๆก็คืออยู่ทำเวรนั่นเอง เพื่อนๆต่างคนต่างเดินออกไปจากห้องจนเหลือแค่พวกเขาเพียงแค่สี่คน
โดยห้องนาฏศิลป์นั้นอยู่ตรงทางเชื่อมระหว่างตึกสามและตึกสี่ ซึ่งตึกที่สี่เป็นตึกวิทยาศาสตร์ และอีกอย่างเป็นตึกไม้ด้วย แถมในตอนนี้ก็มีเพียงแค่พวกเขาที่อยู่ภายในตึกเท่านั้น มันคงจะหลอนมากๆเลยถ้าเดินผ่านห้องที่มีหุ่นอนาโตมี่อยู่
"นักเรียน ทำความสะอาดให้เรียบร้อยแล้วล็อคห้องให้ครูด้วยนะคะ แล้วเอากุญแจมาให้ครูที่ห้อง 132 ด้วยนะ"
"ครับอาจารย์"
สิ้นสุดคำสั่ง คุณครูได้เดินออกจากห้องไป นักเรียนชายทั้งสี่คนต่างหาหยิบไม้กวาด ที่โกยขยะมาทำความสะอาดกัน นนท์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเพลงลั่นห้องนาฏศิลป์เพราะรู้สึกว่าถ้าไม่มีเพลงประกอบในการทำงานแล้วไม่สนุก ก็เหมือนกับการทำงานบ้านแต่ไม่มีเสียงเพลงให้ฟังก็คงจะเบื่อแย่
แน่นอนว่าการทำความสะอาดจะต้องกวาดทุกซอกทุกมุม เนียร์ ผู้ไม่ชอบชฎาแม้แต่นิดเดียวเขาเดินไปหาผ้ามาคลุมชฎาเอาไว้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันแต่เขารู้สึกไม่ถูกโฉลกกับชฎานางรำเลย
ขึ้นชื่อว่าเป็นห้องนาฏศิลป์ ยังไงก็ต้องมีชุดนางรำ เครื่องประดับของนางรำ และสิ่งที่นักเรียนหลายคนมักจะกลัวมากที่สุดเลยก็คงจะหนีไม่พ้นกับหุ่นอจินไตย สกายเดินตรงเข้าไปทางหุ่นอจินไตยนั้น เขามองไปที่หน้าหุ่นสักพัก เขารู้สึกว่ามันเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ในใบหน้าหุ่นนั้น ก่อนจะก้มลงไปกวาดฝุ่นที่อยู่ทางด้านหลังและกวาดใต้ตู้เครื่องประดับ
เวลาผ่านไปไม่นาน การทำความสะอาดก็จบลง ในขณะที่กำลังจะเดินออกไปจากห้องนี้จู่ๆนนท์ก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังมีงานค้างที่ยังต้องส่งวันนี้ก่อนห้าโมงเย็นอีกด้วย
"เฮ้ยพวกมึง ทำจีนเสร็จยัง" นนท์
"ยังเลยว่ะ" การิน
"ทำปะ ส่งวันนี้นะเว้ย" นนท์
"เอาดิ กูก็ยังไม่เสร็จ" เนียร์
พวกเขาทั้งสี่คนกลับเข้ามาในห้องเพื่อทำวิชาภาษาจีน ถามว่าทำไมไม่ไปทำที่อื่นน่ะเหรอ ก็เพราะว่าห้องพักครูของครูจีนอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา แค่เดินขึ้นบันไดไปแปปเดี๋ยวก็ถึงห้องพักครูแล้ว เด็กนักเรียนทั้งสี่คนหยิบสมุดการบ้านวิชานี้ขึ้นมาทำโดยนั่งกันเป็นวงกลม สกายเดินไปเปิดพัดลมให้ก่อนจะกลับมานั่งทำที่เดิม
เมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มจะเย็นลงขึ้นทุกที บรรยากาศในห้องก็เริ่มเงียบแปลกๆ มีเพียงแค่เสียงพัดลมเท่านั้น เพราะว่าทั้งตึกสี่และตึกสามก็มีเพียงแค่พวกเขาทั้งสี่คนในตอนนี้
ปฏิกิริยาของแต่ละคนเริ่มแสดงออก การินเริ่มมองไปทั่วห้องก่อนจะกลับมาเขียนงานเหมือนเดิม สกายที่ก้มเขียนงานอยู่ก็เลิกตาขึ้นมามองหน้าเนียร์ที่นั่งอยู่ตรงข้าม ห้องนี้เริ่มอึดอัดแปลกๆและเงียบสงัดจนเหมือนสถานที่ร้าง นนท์หันหลังไปมองชฎาที่เพื่อนเขาเอาผ้าคลุมไว้ตอนทำความตอนแรกก็รีบหันควับกลับมาเขียนงานต่อ ส่วนเนียร์...เขาไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรทำไมต้องจ้องไปที่หุ่นอจินไตยตัวนั้นอยู่ตลอดเวลา ทั้งสี่คนเริ่มจะรู้สึกกลัวเหมือนกันจึงเร่งมือเขียนงานให้เร็วขึ้น
"พวกมึง... บรรยากาศในห้องนี้นี่มัน... เงียบดีเนอะ" นนท์
จู่ๆนนท์ก็พูดขึ้นมาเพื่อทำให้บรรยากาศไม่เงียบไปมากกว่านี้ แต่เขาหารู้ไม่ว่าการที่ทักแบบนี้มันเหมือนเป็นการเชิญชวนสิ่งที่ไม่มีตัวตนส่งเสียงอะไรแปลกๆออกมา
ปั้ง!!!!
จู่ๆก็มีเสียงขึ้นดังลั่น! ทั้งสี่คนสะดุ้งพร้อมกันก่อนเงยหน้ามามองหน้าและเลิ่กลั่กไปตามๆกัน สิ่งที่พวกเขาได้ยินนั้นเป็นเสียงเหมือนของตกมาจากด้านหลังหุ่นอจินไตยนั้น สกายหันหลังไปมองหุ่นอจินไตยที่อยู่ด้านหลังเขาก่อนจะหันหน้ากลับมาด่าเพื่อนของเขา
"ไอนนท์ ทักหาพ่อเหรอ!!" สกาย
"มึงจะไปทักทำไมวะ!..." การิน
ทั้งสี่คนรีบเก็บของทั้งหมดใส่กระเป๋าและวิ่งออกจากห้องไป แต่ก็ไม่ลืมที่จะปิดไฟปิดพัดลมก่อนออกจากห้อง แต่ดีที่ทั้งหมดเสร็จงานกันไปแล้วจึงเดินไปส่งได้เลย การินล็อคประตูห้องและเก็บกุญแจใส่ในกระเป๋ากางเกง แต่ทว่า... เขากลับลืมกระเป๋าตังไว้ในห้องนั้นจนได้
เมื่อส่งงานเสร็จ ทั้งสี่คนรีบวิ่งลงอาคารไปและวิ่งไปยังห้องปกครองเพื่อไปถ่ายรูป เพื่อนๆสภาทั้งหมดยืนรอถ่ายรูปกันเป็นแถว พวกเขารู้สึกอุ่นใจที่ลงมาเจอเพื่อนๆห้องตัวเอง
"อ่าว มาแล้วเหรอ" องศา
องศาทักขึ้นก่อนจะสังเกตใบหน้าของแต่ละคนว่าหน้าซีดเซียวกันทั้งหมด
"ฮ่าๆ เจออะไรกันมาวะ" องศา
องศาขำเล็กน้อยใส่พวกเขา การินเล่าเหตุการณ์ที่เจอสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ให้พวกเพื่อนได้รู้ ในระหว่างที่เล่าไปทั้งคนเล่าคนฟังก็ขนลุกไปตามๆกัน เพราะทุกคนรู้สึกไม่ชอบหุ่นอจินไตยเหมือนกันทั้งหมด
"ห้องแปด มาต่อแถวได้เลยครับ" เจมส์
เจมส์ที่เป็นตากล้องในการถ่ายรูปก็ตะโกนเรียกให้สภานักเรียนห้องแปดมาเข้าแถวเรียงตามเลขที่ คนที่ถ่ายรูปเสร็จแล้วจึงกลับบ้านไปได้ การินหลับตาและกุมมือตัวเองเอาไว้ให้ใจเย็นลง สิงหาเดินมาหาเขาเพื่อชวนคุยเรื่องอื่นให้การินหายหวาดผวา และเขาจะรอกลับบ้านกับการินด้วย แบบนี้เขาเรียกว่าอาการคนติดเมียชัดๆ
17:00 PM
การถ่ายรูปเดี่ยวจบลง ถึงเวลาที่ห้องอื่นต้องมาต่อแถวถ่ายรูปต่อแล้ว ซึ่งหลายคนก็ยังคงถามหาเลฟกันเหมือนเช่นเคย เพื่อนห้องหกก็ให้เหตุผลต่างๆนาๆว่าเลฟอาจจะไม่สบายก็ได้เพราะยังไม่มีใครเห็นเขาเลย
"กลับหอกัน"
สิงหาเอ่ยคำชวนและจับไปที่ข้อมือเล็กของการิน คนตัวเล็กกว่ารู้สึกถึงความร้อนจากมือหนา สิงหาเหมือนจะเริ่มเป็นไข้หนักแล้วจริงๆ การินพยักหน้าก่อนจะเดินไปตามทางโรงเรียน แต่เขาจะต้องเอากุญแจไปคืนครูที่ตึกหนึ่งก่อน แต่ในขณะที่เขาล้วงไปที่กระเป๋ากางเกง แต่รู้สึกได้ถึงแต่กุญแจอย่างเดียว แต่กระเป๋าตังเขาไม่อยู่ที่ตัว
การินค้นตามทุกส่วนของร่างกาย ก็พบว่าไม่มีกระเป๋าตังของเขา และเขานึกได้ว่าเขาลืมกระเป๋าตังไว้ในห้องนาฏศิลป์แห่งนั้น...
"เชี่ย กูลืมกระเป๋าตัง!! เดี๋ยวกูวิ่งไปเอาก่อนนะ"
"ให้กูไปเป็นเพื่อนมั้ย"
"ไม่ต้อง นั่งรออยู่นี่แหละ เดี๋ยวมา"
พูดจบ คนตัวเล็กก็วิ่งตรงไปทางตึกสี่ทันที แม้ว่าในใจเขาจะกลัวหุ่นอจินไตยตัวนั้นก็ตาม แต่ถ้าเขาไม่กลับไปเอาของก็คงไม่ได้ ทั้งบัตร ATM บัตรประชาชนและของสำคัญต่างๆก็อยู่ในกระเป๋าตังใบนั้นหมดเลย เมื่อเขาวิ่งขึ้นมาทางตึกสี่ ทั้งตึกและทั้งชั้นก็ยังคงเงียบสงัดจนทำให้ใจเขาเริ่มสั่นไหวแล้ว
การินเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องนาฏศิลป์ ประตูห้องเป็นประตูกระจกบานใหญ่ เพียงแค่มองเข้าไปในห้องก็ไม่อยากจะเข้าไปแล้ว มือเรียวหยิบกุญแจขึ้นมาไขประตูพร้อมอาการมือสั่น แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไป เขาชะโงกหน้าเข้าไปมองภายในห้องก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น
เมฆ เพื่อนร่วมสภาห้องเจ็ดได้ยืนรำวนรอบตัวเองอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องนาฏศิลป์ ลักษณะที่เขาเห็นก็คือ ใส่หัวโขน โจงกระเบนสีแดง เสื้อนักเรียนชาย กำลังยืนรำท่าที่ผู้ชายรำเพื่อการแสดงปกติ
เชี่ย อะไรวะ...!?
ฮึ!? ห้องมันล็อคอยู่ แล้วมึงเข้าไปได้ยังไง? ครูให้มึงเฝ้าห้องเหรอหรืออะไร
ในเมื่อกุญแจห้องก็อยู่ในมือกู แล้วมึงเข้าไปทางไหนวะ
การินลืมคิดเรื่องผีไปแล้วในตอนนี้ คำถามมากมายตีกันในหัวของเขา แล้วเมฆเข้าไปได้ยังไงในเมื่อการินเป็นคนล็อคประตูก่อนจะวิ่งออกจากห้อง และในจังหวะที่เมฆได้รำหันหลังให้เขา การินเดินเข้าไปในห้องและเดินไปหยิบกระเป๋าตังที่ลืมไว้
รำสวยจังวะ
การินคิดในใจก่อนจะเอ่ยคำถามนั้นออกไป
"เมฆ ทำไรอ่ะ..."
เขาถามออกไป แต่เพื่อนของเขาที่รำอยู่กลับไม่ตอบรับกลับมา มีเพียงแค่ท่ารำที่ยังคงรำอยู่อย่างนั้นจนการินเริ่มจะขนลุก แต่เขายังคงคิดว่าเมฆอาจจะแกล้ง
"เมฆ ไอเมฆ"
แต่ก็เช่นเดิม เขาเรียกไปเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา การินรีบเดินออกจากห้องไป แต่ในจังหวะที่เขากำลังจะถึงประตูหน้าห้อง อยู่ดีๆก็มีเสียงกระทุ้งเท้าขึ้นมา
ตึก!!
การินชะงักไปชั่วขณะ เขาหันหลังไปมองทางต้นตอของเสียงอย่างช้าๆ เมฆกระทุ้งเท้าดังลั่นไปหนึ่งทีก่อนจะกลับมายืนในท่าตรงโดยหันหน้ามาทางเขา การินเริ่มเหงื่อออกมาเป็นเม็ดๆ และขาแข็งสุดอะไรสุด เมฆค่อยๆยกแขนขึ้นมา ชี้นิ้วตรงมาทางเขาและกระทุ้งเท้าอีกครั้งหนึ่ง เพียงแค่นี้ก็ทำให้การินรู้แล้วว่ามันคือภาษาท่าโกรธ เขาตกใจจนแทบช็อค การินวิ่งหนีออกจากห้องนั้นทันทีแต่เขาไม่ล็อคห้องเพราะกลัวว่าเพื่อนจะออกมาไม่ได้
แต่...แน่ใจเหรอว่านั่นคือเพื่อน :)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น