บรรยาย EP.39
“เพื่อนๆรู้จักตำนานผีพระอุ้มหมาชีอุ้มแมวมั้ยครับ? มันคือเปรตหรือผีที่แปลงกายเป็นพระและแม่ชีมาหลอกหลอนชาวบ้านและมาหลอกกินเครื่องในสัตว์ รวมถึงถ้าใครพลาดท่าหรือจิตอ่อนชวนให้พระและชีเข้าบ้าน ก็จะตายทันทีและเครื่องในหายไปบางทีมันก็อาจจะเป็นแค่ตำนานเล่าขลานกัน ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าบางทีมันอาจจะยังมีในโลกนี้อยู่ก็ได้” — องศา
Ong-Sa Talk
03:00 AM
เอาอีกแล้ว ผมลืมตาตื่นขึ้นมากลางดึกอีกแล้ว มันน่าหงุดหงิดมากสำหรับคนที่ตื่นง่ายและหลับยากแบบผม บางทีมันก็คงจะเป็นเพราะผมไม่ชินกับที่นี่ก็ได้ แถมยังร้อนอีก ผมลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปรอบๆห้อง นึกอิจฉาบิวกับเนียร์ที่นอนหลับลึกอย่างไม่รู้ประสีประสา ทั้งๆที่อากาศมันก็ร้อนจนเหงื่อซก
ผมที่กำลังจะหันดูแฟนของผมที่นอนอยู่ข้างๆ ผมก็เห็นเงาใครคนหนึ่งเดินออกจากประตูกุฏิออกไป มันเป็นแว๊บแรกเท่านั้นที่ผมเห็น
เชี่ย!! ใครวะ...
ผมนึกในใจ ก่อนที่ผมจะดึงสติกลับมาแล้วจะจับไปที่ตัวตะวัน แต่กลับกลายเป็นว่าตะวันไม่ได้นอนอยู่ข้างๆผมแล้ว ผมกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก ก่อนที่ผมจะสันนิษฐานว่า ไอเงาที่เดินออกจากประตูไป มันต้องเป็นตะวันแน่ๆ
ถึงจะหาคำตอบไว้ในใจแล้วแต่ผมก็ยังลังเล ผมยังไม่แน่ใจว่าที่เดินออกไปมันใช่แฟนผมจริงๆหรือเปล่า แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ร่างกายผมมันลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าประตูอัตโนมัติ ผมค่อยๆผลักประตูไม้ออกก่อนจะเห็นร่างอันคุ้นเคยที่กำลังยืนอยู่ตรงระเบียง ดูเหมือนว่าตะวันมันกำลังจะเรียกอะไรบางอย่าง
“ตะวั—”
ผมชะงักไปชั่วขณะหลังจากที่ได้ยินเสียงเสียงหนึ่งแว่วเข้ามาในหู ใช่ครับ มันคือเสียงบทสวดที่ทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนตีสี่ของเมื่อวานนี้
พระอุ้มหมา ชีอุ้มแมว...
“องศา นั่นหลวงพ่อกับแม่ชี”
ตะวันหันหลังมาคุยกับผมพร้อมชี้นิ้วไปที่เงาคู่หนึ่ง ผมพูดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะพูดยังไงดี จะบอกว่ามันคือผีก็ไม่ได้อีก เดี๋ยวจะสติแตกกันไปมากกว่านี้
“ท่านมาทำอะไรเหรอครั— อื้อออ!!!!!”
ตะวันกำลังจะเอ่ยปากทัก ผมรีบเอามือปิดปากมันแล้วลากเข้ามาในกุฏิทันที แฟนผมแม่งไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆเหรอวะเนี่ย ผมใช้ตีนดันประตูกุฏิให้ปิดก่อนจะจับคนตัวเล็กกว่าผมนั่งลงบนที่นอน
“อะไรของมึงเนี่ย!”
“ชู่ว! เงียบๆดิ!”
ตะวันหุบปากทันทีที่ผมออกคำสั่ง
“มึงจะไปทักทำไมตะวัน!”
“เอ้า! มึงไม่เคยเห็นพระธุดงค์หรือไงอ่ะ”
“พระธุดงค์เหี้ยไรอุ้มสัตว์ พระที่ไหนเขาเดินมาคู่กับแม่ชีวะ”
“เขาอาจจะกำลังหลงทางอยู่ก็ได้อ่ะ มึงจะกระชากกูเข้ามาทำไมเนี่ย!”
ผมทั้งสองคนเถียงกันไปมา ตะวันไม่ฟังที่ผมบอกเลย มันจะลุกขึ้นไปนิมนต์อยู่นั่นแหละ ผมเหนื่อยใจกับแฟนแล้วนะ
“องศา ปล่อย”
ผมชักสีหน้าหงุดหงิดใส่ก่อนจะกดไหล่ของตะวันให้ลงไปนอน ผมขึ้นคร่อมพร้อมกับเอ่ยคำพูดที่ผมไม่อยากจะพูดออกมาในเวลาแบบนี้
“มึงไม่เคยได้ยินความเชื่อเรื่องพระอุ้มหมา ชีอุ้มแมวหรือไง”
“...”
“ฟังนะ ที่มึงเห็นอ่ะ กูเคยเห็นมาแล้วเมื่อวานตอนตีสี่ แต่บิวมันห้ามกูไว้ก่อนที่กูจะทัก มันบอกกูว่า พระอุ้มหมาชีอุ้มแมวคือปอบ หากใครสบตาหรือได้พูดคุย ก็จะตายทันที ถ้าเชิญเข้ามาในบ้าน ในเวลาต่อมาคนคนนั้นก็จะตาย โดยที่ไม่มีเครื่องในหลงเหลืออยู่เลย”
“...”
ผมสบตากับดวงตากลม ตะวันเริ่มอยู่นิ่งๆและไม่ขัดขืน ผมลุกออกจากตัวตะวันแล้วเดินไปปิดประตูกุฏิให้สนิทก่อนจะกลับมานอน แต่ทว่า... หัวผมยังไม่ถึงหมอน ก็ได้ยินเสียงไม้มันลั่น คล้ายๆมีคนกำลังเดินขึ้นบันไดมา
เอี๊ยด... เอี๊ยด...
ผมกับตะวันมองไปที่ต้นตอของเสียงที่มันอยู่นอกห้อง ซักพักเสียงนั้นก็หยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องผม ในใจผมคิดอยู่อย่างเดียวว่า ชิบหายแล้วไอแม่ย้อย เหงื่อผมไหลออกมาเป็นเม็ดๆ ผมทั้งกลัวทั้งจิตตกในเวลาเดียวกัน แต่ตอนนี้ผมต้องเอาตะวันให้รอดก่อน เพราะถ้ามันแหกปากขึ้นมา ไม่เพียงแค่ทุกคนจะตื่น แต่มันเหมือนเป็นการทำให้ผีรู้แล้วว่าพวกเราเห็นมัน
ผมเริ่มรู้สึกถึงมือเย็นๆที่กำลังจับมือผมอยู่ ตะวันเริ่มขยับตัวเข้ามาชิดก่อนจะมุดเข้าที่อกของผม ตะวันนอนขดจ๋องด้วยความกลัว
ก๊อกๆๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมโอบกอดตะวันแน่นพร้อมปิดหูให้ ผมรู้แล้วว่าสิ่งที่อยู่หลังประตูนั่นมันต้องไม่ใช่คนแล้ว แต่เสียงเคาะประตูมันก็ยังคงดังอยู่อย่างไม่หยุดหย่อน
“องศา กูกลัว”
ตะวันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน เออผมรู้แล้วว่ามันกลัว แต่ผมก็กลัวไม่ต่างจากมันเหมือนกันนั่นแหละ
“หลับตาซะ คิดซะว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ก่อนที่เสียงเคาะประตูนั้นจะหายไปตะวันเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมก่อนที่ผมจะคลายมือออกจากหูของเขา แต่อยู่ดีๆเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง!
ปั้งๆๆๆ!!!
ใช่ครับ เขาเคาะมันแรงขึ้นกว่าเดิม คนตัวเล็กสะดุ้งแรงแล้วเริ่มมุดเข้าที่อกผมอีกครั้ง ความไม่รู้กับความผิดมันมีเส้นบางๆกลั้นไว้อยู่ ตะวันผิดที่ไม่รู้ว่ามันมีความเชื่อนี้อยู่ในตำนานของผีไทย แถมยังไปทักอีก
แม่งเอ๊ย! เอาไงดีวะ
ผมในตอนนี้ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ในหัวของผมตอนนี้มีอยู่อย่างเดียวคือหน้าของพ่อแม่และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในกุฏินี้ ผมหลับตาแล้วภาวนาในใจให้เขาช่วยคุ้มครองผม ผมยังไม่อยากมาตายในที่นี้นะเว้ยยยยยย!!!
Biw Talk
03:55 AM
“ไอเนียร์”
“...”
“มึง”
“อืออ...”
“ปวดเยี่ยว ไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อย”
“มึงก็ฉี่ใส่กระโถนดิ”
“ไม่เอา กูอยากไปห้องน้ำ”
“...”
“มึงงง กูปวดเยี่ยวววว”
มันไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะที่มาอยากเข้าห้องน้ำกลางดึกแบบนี้ แต่อย่างน้อยก็ได้ยินเสียงระฆังตื่นของพวกพระสงฆ์แล้วแหละ อุ่นใจนิดนึง แต่ยังไงผมก็ไม่กล้าไปอยู่ดีอ่ะ
ผมเรียกให้เนียร์ตื่นแล้ว แต่ดูเหมือนว่าไอเนียร์มันเป็นคนขี้เซาสมกับคำล่ำลือของพวกห้องแปดจริงๆ
เอาก็เอาวะ
ผมทำใจลุกขึ้นแล้วเปิดประตูออกไป แต่ความซวยมันก็ซวยจริงๆนะ ผมเดินลงบันไดมาแล้วแต่ผมเสือกลืมเอาโทรศัพท์มาด้วยครับพี่น้อง!!!! โอ้โหหหหหห ผมอยากวิ่งขึ้นไปเอานะ แต่ผมไม่ไหวแล้วว่ะ ถ้าฉี่ราดคงจะโดนล้อแน่ๆ
ผมเดินตรงไปยังห้องน้ำหลังกุฏิที่มีเพียงแค่หลอดไฟดวงเดียว ผมเดินมาหยุดอยู่หน้าโถส้วมสำหรับของท่านสุภาพบุรุษ ผมรูดซิบกางเกงลงแล้วทำธุระเป็นปกติ แต่ด้วยความที่มันเป็นห้องน้ำผู้ชายอ่ะครับ มันก็มีแค่ที่กลั้นเตี้ยๆกลั้นไว้เฉยๆ มันวังเวงมากแล้วผมมายืนฉี่อยู่คนเดียว
ผมกรอกตาแล้วมองบรรยากาศรอบๆตัวของผม ก่อนที่จะมีคนเดินมายืนฉี่ข้างๆผม เป็นไอเนียร์ที่เดินมาอย่างเงียบๆละไม่พูดจาอะไรเลย
“มึงจะมาฉี่เหมือนกันก็ไม่บอก ปล่อยให้กูเดินมาคนเดียว”
ผมพูดพลางหันหน้ากลับมามองที่ข้างหน้าเหมือนเดิม หลังจากที่ผมทำธุระเสร็จ ผมรูดซิบกางเกงขึ้นแล้วราดน้ำลง แต่ในขณะที่ผมกำลังจะหันไปคุยกับเนียร์ อยู่ดีๆผมก็เห็นมันขึ้นบันไดไปแล้ว ไอเหี้ย มันคิดว่ามันเป็นเทเลพอร์ตเหรอ? มาไวไปไวเหลือเกิน
แต่ผมยังติดใจอยู่ ทำไมผมไม่ได้ยินเสียงเท้ามันเดินมาฉี่อ่ะ? เออแต่ช่างเถอะ ค่อยทักไปคุยกับมันก็ได้
โอ้ยยยคนอ่ายตุยเย่แล้วค่ะ(กลัว)😭🖐️
ตอบลบซื่อกันจริง
ตอบลบจริงมากก ซื่อจนหงุดหงิด อะไรมันจะขนาดนั้น555555555
ลบก็คนไม่รู้นิ่คะ
ลบน่ากีว
ตอบลบ