Special 4 : บทละคร
14:00 PM
“นักเรียน เนื่องจากเราจะเดินตามทางเพื่อท่องเที่ยว ดังนั้นเราจะลงรถตั้งแต่ตรงนี้และเดินไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงโรงแรมนะคะ”
“โหหหหห อาจารย์!!~”
เด็กๆที่อยู่ในรถบัสต่างโห่ร้องออกมา ทางที่พวกเขาต้องเดินนั้นมันเป็นทางขึ้นเขา แล้วต้องแบกสัมภาระของตัวเองไปด้วยมันจะต้องเหนื่อยมากแน่ๆ เด็กนักเรียนทั้งหมดร้อยกว่าคนเดินกันเป็นกลุ่มเป็นแก๊งข้างถนน เดินตามพวกคุณครูผ่านร้านข้างทางต่างๆ
“โอ๊ย! หนักอ่ะ!”
ตะวันโวยวายออกมาเสียงดังลั่น
“กูถือให้ เอามา”
องศายื่นมือไปขอกระเป๋าสัมภาระของเจ้าคนหัวส้ม ตะวันให้แฟนตัวสูงถือโดยไม่ลังเล คนตัวเล็กเริ่มเดินอย่างร่าเริงขึ้นมาแล้ว แต่ดีหน่อยที่วันนี้อากาศไม่ร้อนมากนัก ยังพอมีลมเย็นๆพัดกระแทกเข้าหน้าคลายเหนื่อยอยู่บ้าง
“องศา ไปหาไรแดกกัน”
สิงหาที่เดินขึ้นมาตีสนิทเอ่ยชวนให้เพื่อนของเขาไปหาซื้อของกินเล่นให้คลายเหงาปาก องศามองที่สิงหาพร้อมทำหน้าเบะปากใส่ เพราะเจ้าประธานรูปหล่อคนนี้กำลังมีเลขาขี่หลังอยู่ แถมหลับซบหลังอีกต่างหาก นั่นก็เลยทำให้เขาต้องมองไปที่ตะวันพลางนึกอิจฉา
แกร่งจริงๆเลยนะมึง แบกเมียเดินขึ้นเขา
“อะไร มึงอิจฉากูอ่ะเด้~”
“ใครอิจฉามึง”
องศาตอบพลางหันหน้าหนี เขาคว้ามือไปจับมือตะวันไว้ทันที ถึงจะไม่ได้ให้แฟนขี่หลัง แต่ขอจับมือแทนก็แล้วกันเพื่อให้ไม่น้อยหน้า
“ดูก็รู้ว่าอิจฉากู”
สิงหาเยาะเย้ยเบาๆก่อนจะเดินนำองศาตรงไปที่ร้านขายขนม
“กินอะไรมั้ย”
องศาถามตะวัน คนตัวเล็กพยักหน้าพร้อมเลือกขนม แต่ก็เช่นเคยที่องศาเขาอาสาจ่ายตังค์ให้แฟน ก็เพราะว่าแฟนคนเดียวเขาเลี้ยงได้ยังไงล่ะ
ตะวันเลือกซื้อไอศกรีมแท่งมากินในระหว่างเดิน องศาพลางมองไปที่แฟนตัวเล็กกินไอศกรีมอย่างมีความสุข แต่เขาก็คิดดีไม่ได้เช่นกันที่ตะวันเลียมันแบบนั้นเหมือนกับ....
“อึก...”
องศากลืนน้ำลายลงคอแต่ก็ไม่ละสายตาจากปากกระจับนั้น ตะวันหันหน้ามามองแฟนตัวสูงพร้อมทำหน้างง
“อะไรอ่ะ อยากกินเหรอ?”
“...”
ตะวันนึกเล่นพิเรนทร์ เขาอมไอศกรีมก่อนจะยื่นให้องศาแล้วถามว่า ‘กินปะ ฮ่าๆๆๆ’ ตนตัวสูงทำหน้าแหยแล้วด่าทอแฟนของเขา ตะวันหัวเราะร่าอย่างสะใจที่ได้แกล้งคนขี้โวยวายอย่างองศา
เวลาผ่านไปเวลาชั่วโมงกว่า นักเรียนทั้งหมดได้เดินมาถึงที่พักหรูแห่งหนึ่ง หลังจากที่คุณครูได้ชี้แจงเรื่องการพักการนอนแล้วต่างคนต่างแยกย้ายไปกับบัดดี้ตัวเอง และในเวลาช่วงนี้จนถึงตอนเย็นคุณครูจะปล่อยให้นักเรียนเป็นอิสระ ดังนั้นห้องเจ็ดและห้องแปดต่างคนต่างไปซ้อมละครที่เตี้ยมกันมา งานนี้ต้องมันส์แน่
20:00 PM
“ต่อไป เรามาพบกับบทละครของสายการเรียนสังคม-อังกฤษกันนะคะ ชื่อเรื่องชื่อว่า เพื่อนสนิท เชิญรับชมเลยค่า!”
หลังจากที่พิธีกรกล่าวเชิญ นักเรียนในห้องที่ได้รับบทตัวละครต่างคนต่างวิ่งออกมารับบทการแสดง
‘กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กผู้ชายทรงเด็กเรียนคู่หนึ่ง ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ยังเป็นเพื่อนสนิทเก่ากันอีกด้วย เด็กชายที่มีลักษณะนิสัยเงียบๆชื่อว่าจูรินทร์ เขาเป็นคนที่ชอบเก็บตัว เงียบๆ ไม่ชอบพบปะกับผู้คน ต่างจากเพื่อนสนิทของเขาที่ชื่อว่าเจมส์ เป็นคนที่ร่าเริง เฟรนด์ลี่ เพื่อนคบเขาเยอะ สองคนนี้มักจะเป็นคนที่เรียนเก่งที่สุดในห้อง ลำดับการสอบจะสลับกันอยู่ในระหว่างอันดับที่หนึ่งและสอง’
‘ไม่จูรินทร์อยู่อันดับหนึ่งเจมส์ก็อันดับสอง ไม่เจมส์อันดับสองก็อันดับหนึ่ง แต่แล้ววันหนึ่ง เจมส์เกิดอยากไปเที่ยวที่ร้านผับบาร์ที่เปิดใหม่ใกล้ๆบ้าน เขาจึงไปชวนจูรินทร์เพื่อนสนิทของเขา’
เจมส์ : จูรินทร์ มีผับเปิดใหม่อ่ะ ลองไปกันปะ?
จูรินทร์ : ไม่เอาอ่ะ เราไม่ชอบไปเที่ยว
‘หลังจากที่จูรินทร์ปฏิเสธ เจมส์ก็รู้สึกเซ็งทันที เขาเลยไประบายลงในสตอรี่ทางเฟสว่าเขาอยากไปผับนั้น แต่เมื่อลงไปไม่นาน แก๊งเพื่อนในห้องที่เป็นคนไม่ค่อยตั้งใจเรียนเท่าไหร่จึงทักเขามา เพื่อนๆต่างเรียกแก๊งนี้กว่ากลุ่มตัวพ่อ’
บิว : ไปปะละ กูก็อยากไปเหมือนกัน
เจมส์ : จริงดิ!?
บิว : จริง! เห็นว่าบริการดีด้วยนะ
เจมส์ : เอาดิ กูไป
‘เจมส์ตอบตกลงอย่างว่าง่าย แต่หลังจากที่ไปผับแล้วทำให้เจมส์รู้สึกติดใจ เขารู้สึกมีความสุขมากกว่าที่ต้องมานั่งเรียนหนังสือโดยไม่ไปไหน เขาเริ่มตัวไม่ติดกับจูรินทร์ เนื่องจากอยู่ในช่วงวัยรุ่นเขาก็เริ่มลองอะไรใหม่ๆ เรื่องการสังสรรค์ดื่มแอลกอฮอล์ ลองสิ่งเสพติดไปเรื่อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนที่ติดสารเสพติดจะเป็นคนที่ไม่ดีเสมอไปหรอกนะ’
“นิทานสะท้อนสังคมนี่หว่า” สิงหา
“แต่แสดงดีอยู่นะ ว่าแต่มันเอาเหล้ามากินจริงเหรอ?” องศา
“หึ สปอนเซอร์กับสไปร์ท” สิงหา
“อ่อๆ” องศา
‘วันต่อมา จูรินทร์เดินเข้ามาทักทายเจมส์เป็นปกติ แต่เขาก็เริ่มเปิดประเด็นขึ้นมาจนทำให้เจมส์รู้สึกหงุดหงิด’
จูรินทร์ : เจมส์ กลับมาเรียนกับเราเถอะ
เจมส์ : ไม่เอาอ่ะ อยู่กับมึงมันน่าเบื่อ นั่งเรียนอย่างเดียว ชวนไปไหนก็ไม่ไป
จูรินทร์ : แต่ถ้าพ่อแม่รู้ เจมส์จะโดนโกรธเอานะ
เจมส์ : มึงอย่ามาเสือกเรื่องของกูเลยน่ะ เอาชีวิตมึงให้รอดเถอะ
“หูยยยย”
เด็กในค่ายที่นั่งดูละครต่างส่งเสียงร้องออกมาด้วยความสะใจ มันเป็นละครที่ถูกใจคนดูหลายคนเลยทีเดียว มันเลยทำให้คนที่แสดงอยู่เริ่มทีกำลังใจการแสดงมากขึ้น บทละครดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนมาถึงตอนสุดท้าย นักแสดงที่รับบททั้งแปดคนเดินออกมายืนเรียงกันเป็นหน้ากระดานพร้อมบอกข้อคิดของนิทานเรื่องนี้
“ข้อคิดคือ คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล ขอบคุณครับ”
มันเป็นบทละครที่สอนชีวิตเหล่าวัยรุ่นได้ดีเลยทีเดียว เสียงปรบมือด้วยความชอบใจของบุคลากรในค่ายประวัติศาสตร์ดังขึ้น นักแสดงทั้งหมดกลับไปนั่งที่เดิมก่อนที่พิธีกรจะกล่าวถึงบทละครเรื่องสุดท้ายที่ต้องแสดง
“บทละครเรื่องต่อไป ชื่อเรื่อง ราพันเซลรีมิกซ์ เชิญรับชมได้เลยค่า!”
“แค่ชื่อเรื่องก็กินขาดแล้วว่ะ” ซัน
“นั่นดิ” บิว
มาถึงคิวของห้องตัวโจ๊กอย่างสายการเรียนสังคม-จีน บทละครเริ่มดำเนินขึ้นพร้อมเสียงเพลง
‘กาลครั้งหนึ่งมีหญิงสาวอาศัยอยู่บนหอคอยไร้ผู้คนเธออาศัยอยู่กับกอเธล ซึ่งเป็นแม่ของเธอ เธอเป็นคนผมยาว สีส้ม เธอผู้นี้มีนามว่า ราพันเซล’
ตะวันเดินออกมาพร้อมกับวิกผมสีส้มยาวกับชุดกระโปรงยาว มันเป็นแหกกฎทุกอย่างที่เป็นดิสนีย์ไปแล้ว 555555
‘เรื่องราวของเธอมีอยู่ว่า เธอเป็นอยากจะเห็นโคมไฟลอยในวันเกิดเธอแต่ก็ไม่มีโอกาส ในช่วงที่ราพันเซลยังแบเบาะ เธอบังเอิญโดนดอกไม้วิเศษหล่นใส่ผมทำให้ผมเธอเปล่งแสง และแม่ชีต้องการผมของเธอเพื่อมารักษาผิวหน้าให้อ่อนเยาว์’
คนที่รับบทเป็นแม่ชีและแม่ของราพันเซลได้เริ่มปรากฏตัว เสียงหัวเราะของเด็กๆในค่ายดังสนั่นลานแสดง เพราะว่าแม่ชีนั้นทาแป้งขาววอกแถมยังเป็นนนท์ที่ต้องทาลิปแดงเหมือนกินเลือดมาอีก นั่นเป็นการสร้างความชอบใจให้หลายๆคน
‘จากนั้นเมื่อดวงอาทิตย์อัศโดม ผลของคำสาปก็เป็นจริงทำให้กอเธลเป็นนางมารร้ายนับแต่นั้นมา’
ราพันเซล : อยากไปนอกหอคอยจัง ถ้าลงไปคงไม่เป็นไรมั้ง
ปาสเกา กิ้งก่าคู่ใจก็พยักหน้า ในขณะที่ราพันเซลกำลังจะโรยตัวลง
กอเธล : ทำอะไร บอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามลงไปเด็ดขาด
ราพันเซล : ...
จากนั้นความเล่นใหญ่ของคนแสดง เสียงเพลงแม่รู้กว่าใครแบบรีมิกซ์ได้เริ่มขึ้น การินผู้ที่รับบทเป็นคุณแม่ก็เริ่มแสดงโดยการที่ชวนราพันเซลเต้นไปด้วย เรียกได้ว่าเป็นนิทานเวอร์ชั่นเถื่อนเลยก็ว่าได้
“ฮ่าๆๆๆๆ ไอเหี้ยตลกว่ะ” เจมส์
“ห้องแปดแม่งเล่นไรวะ ฮ่าๆๆๆๆ” พั้นช์
จากนั้นแม่ของเธอก็ออกจากหอคอยเพื่อไปหาวัตถุดิบในเมืองมาทำอาหาร ราพันเซลเดินออกไปมองยังนอกหน้าต่างและพูดกับตัวเอง
ราพันเซล : เฮ้อ... เมื่อไหร่จะมีคนมาพาฉันลงไป ฉันเบื่อเต็มทนแล้วนะ
‘จากนั้นก็มีผู้ชายชื่อว่า ฟลินส์ เดินมาตรงหอคอยละตะโกนขึ้นไป’
ฟลินส์ : มีใครอยู่มั้ย!?...
ราพันเซล : มีค่ะ!
‘ฟลินส์ตกใจจึงถามว่าทำไมถึงขึ้นไปได้ยังไง จนรู้ว่าแม่ของเธอไม่ยอมให้ลงมา ฟลินส์จึงเอ่ยชวนให้ราพันเซลลงมาโดยการไต่ผมตัวเองลงมา’
ฟลินส์ : ถ้าเธออยากลงมา ก็ลงมาตอนนี้เลย ไม่มีใครอยู่
‘ราพันเซลก็กำลังลงมาตามคำบอก แล้วราพันเซลก็หนีไปกับฟลินส์เพราะไม่อยากทนอยู่ในหอคอยนี้อีก แต่แล้วเธอก็ไปเจอกอเลธกำลังเดินมาพอดี ฟลินส์ก็เลยลากราพันเซลเข้าไปในถ้ำที่อยู่ทางขวามือ แต่กอเลธเห็นอะไรแว๊บๆวิ่งผ่านไปก็เลยตามไปดู แม่ของเธอได้เดินวนๆหาอยู่แถวนั้นนานมาก ก็เลยเหมือนว่าติดถ้ำไปเสียแล้ว’
ราพันเซล: ทำไมมาติดในถ้ำ หนูละยืนงง งวย จึงควัก!!!!..... กล้วยออกมาปลอก
ตะวันที่ทำท่ากางขาควักแถวเป้าตัวเองเพื่อเล่นมุกก่อนจะเอากล้วยที่ซ้อนไว้ที่มือไขว้หลังอยู่ออกมาปลอกกินโชว์คนดู ทุกคนต่างชอบใจกับบทละครแหวกแนวของพวกเขา
‘จากนั้นก็เลยออกมาจากถ้ำทั้งสองคนก็เลยตัดสินใจหนีเข้าเมืองไปด้วยกัน’
เมื่อมาถึงฉากที่มีเด็กน้อยมาช่วยกันถักเปียให้ราพันเซล คนที่รับบทคือองศาและสิงหาได้วิ่งออกมาบังตะวันแล้วเต้นเพลง ****สำนัก เวอร์ชั่นรถแห่อย่างบ้าคลั่งเพื่อยื้อเวลาให้ตะวันได้เปลี่ยนวิกผมเป็นแบบถักเปีย
“ไอเหี้ย...จะคุกมั้ยเนี่ยพวกมึง” คิมหันต์
เมื่อตะวันเปลี่ยนวิกผมเสร็จ ฉากที่ต้องมาถึงคือฉากแต่งงานของฟลินส์และราพันเซล องศาและสิงหายืนจับมืออยู่ด้วยกันข้างๆราพันเซลเพื่อรอแสดงความยินดีในบทละคร
‘ฟลินส์ได้ตกหลุมรักราพันเซลเพราะความสวยของเธอ ฟลินส์จึงตัดสินใจที่จะแต่งงานด้วยโดยแหวนกล้วย’
ฟลินส์ : แต่งงานกับฉันนะ
ราพันเซล : จะดีเหรอคะ?
ฟลินส์ : ฉันมีกล้วยมาเป็นสินสอด หวังว่าเธอจะชอบมันนะ
ด้วยความแหวกแนวของบทละครเรื่องนี้ มันเลยทำให้คนในค่ายยุยงให้สกายกับตะวันจูบกัน มีฉากแต่งงานแล้วคงจะขาดฉากจูบไปไม่ได้ องศาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อยก่อนพวกที่รับบทตัวละครจะอึ้งกันไปเป็นแถบ
สกายนึกอยากแกล้งองศาจึงค่อยๆขยับหน้าเข้าไปใกล้พร้อมพูดเบาๆว่า ‘เม้มปากนะตะวัน’
องศาเห็นดังนั้นจึงเกิดอารมณ์โมโหขึ้นทันทีที่ต้องมายืนมองแฟนของเขาถูกชายอื่นจูบทับรอยตัวเอง เขาบีบมือของสิงหาแรงจนเพื่อนคนนั้นต้องร้องจ๊ากออกมา
“โอ๊ยองศา!!! ... เอ่ออ...”
สิงหาหันหน้าไปตะคอกองศาก่อนจะสังเกตเห็นว่าเพื่อนตัวเองกำลังโมโหอยู่ สายตาที่อาฆาตถูกมองไปยังสกายที่อยู่ตรงหน้า ดูเหมือนว่าจะให้อภัยยากสำหรับคำขอโทษหลังไมค์เสียแล้ว
21:00 PM
ณ ห้องพัก
“องศา...”
“อย่าพึ่งมาคุยกัน”
คนตัวเล็กถึงกับชาไปทั้งตัว แฟนของเขาตอบใส่ด้วยน้ำเสียงที่นิ่งจนผิดปกติ
“ม...มันไม่ใช่แบบนั้นนะ”
“กูบอกว่าอย่าพึ่งมาคุยกับกู!!!”
องศาตะคอกใส่เขาจนตะวันเริ่มน้ำตาเอ่อนอง คำที่เขาตะคอกใส่มันแรงจนแทบจะทำให้ใจแหลกสลายได้เลย คนตัวเล็กอยากอธิบายให้แฟนของเขาฟังแต่ก็ไม่เป็นผล ท่าจะยากแล้วงานนี้...
เอ้าแล้วววววว
ตอบลบเอ็นดูวววว5555ตะน้อนขี้หึงอ่ะ💖
ตอบลบง้ออีกยาวนะตะวัน
ตอบลบ